สำหรับคนที่กำลังต้องการย้ายของหรือย้ายสถานที่พักแล้วกำลังมีปัญหาในการตัดสินใจเลือกว่าเราจะจัดการกับสิ่งของจำนวนมากภายในห้องของเราได้อย่างไร ซึ่งในบทความนี้เราก็มีคำตอบที่จะมาไขข้อสงสัยเหล่านั้นกัน แน่นอนว่าในปัจจุบันการย้ายของ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้าน บ้านหอ บ้านออฟฟิศ ถือเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องพบเจออยู่แล้ว ซึ่งก็เช่นเคยกับเรื่องปริมาณสิ่งของที่จะขนย้ายในแต่ละครั้งก็จะมีปริมาณที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ทำให้หลายต่อหลายคนสงสัยว่าเราจะเลือกใช้รถขนแบบไหนดีถึงจะเหมาะกับสภาพสิ่งของและปริมาณ จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ซึ่งในวันนี้เราก็มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูพร้อมกันเลย
คาดการณ์ปริมาณของสิ่งของ – แน่นอนว่าของที่เราเห็นอยู่ในทุกวัน บางครั้งอาจจะดูไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ แต่เชื่อไหมว่าเวลาเก็บลงกล่องหรือภาชนะสำหรับขนย้ายแล้วเนี่ยมีปริมาณที่เยอะมาก ดังนั้นการเก็บของก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เลือกประเภทรถที่ใช้สำหรับขนย้ายของ – เมื่อทราบปริมาณของสิ่งของที่เราต้องการจะย้ายแล้ว การเลือกรถให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าของมากก็ต้องใช้รถคันใหญ่ ถ้าของน้อยก็ใช้รถขนเล็กให้สอดคล้องกับปริมาณสิ่งของที่ต้องการเคลื่อนย้ายนั่นเอง
กำหนดวันและเวลาที่ต้องการเคลื่อนย้ายที่แน่นอน – ในการจ้างรถรับจ้างขนของ เราจำเป็นที่จะต้องทราบวันที่แน่นอนเพื่อยืนยันกับทางผู้ขนย้าย เพื่อที่ทางฝั่งรถจะได้มาในวันและเวลานัดได้ถูกต้องตามกำหนดนั่นเอง
กำหนดจุดรับ-ส่งให้ชัดเจน – ในการขนส่งผู้จ้างต้องแจ้งพิกัดของจุดนัดหมายและปลายทางอย่างถี่ถ้วนเพื่อระบุสถานที่และยังใช้สำหรับการคำนวณราคาในการขนย้ายในแต่ละครั้งได้อีกด้วย
ตรวจสอบรายละเอียดการขนย้าย – เมื่อได้วันและสถานที่ที่เรียบร้อยแล้วก็ควรจะตรวจสอบประเภทรถ ทะเบียน รวมไปจนถึงคนขับ เพื่อทำการยืนยันขั้นตอนการขนย้าย
จาก 5 ขั้นตอนที่กล่าวมาเพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถขนย้ายสิ่งของไปยังที่ที่ต้องการได้อย่างปลอดภัยรวมไปถึงยังมั่นใจได้อีกด้วยว่าของที่เราขนย้ายทั้งหมดจะครบถ้วนและไม่เสียหาย เพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาการขนย้ายของคุณก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ในทันที และสำหรับบทความในครั้งนี้ก็ได้ทำการรวบรวมเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการขนย้าย หวังว่าทุกท่านจะนำเอาขั้นตอนเหล่านี้ไปปรับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อเป็นประโยชน์ในการขนย้ายสิ่งของในครั้งต่อ ๆ ไปนะคะ



